วันอาทิตย์ที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2555

ประวัติ

ประวัติ

           แฮร์รี่ พอตเตอร์มีชื่อเสียงโด่งดังจากการเผชิญหน้ากับเจ้าแห่งศาสตร์มืดที่ชั่วร้ายที่สุด ลอร์ดโวลเดอมอร์ซึ่งเป็นพ่อมดศาสตร์มืดที่น่าเกรงขามที่สุดใน โลกผู้วิเศษและเป็นตัวร้ายหลักของเรื่อง การเผชิญหน้ากันครั้งแรกเมื่อตอนแฮร์รี่มีอายุเพียงแค่หนึ่งปี ทำให้โวลเดอมอร์สูญเสียพลังอำนาจทั้งหมด และวิญญาณของเขาถูกกระชากออกมาจากร่าง อย่างไรก็ตามโวลเดอมอร์รอดชีวิตไปได้
เจมส์และลิลี่ พอตเตอร์ พ่อแม่ของแฮร์รี่ถูกสังหารโดยโวลเดอมอร์ใน 31 ตุลาคม พ.ศ. 2524(วันฮาโลวีน) (ค.ศ. 1981) ขณะที่พยายามปกป้องลูกชาย แฮร์รี่จากโวลเดอมอร์ เจมส์ถูกสังหารก่อน ตามด้วยลิลี่ ผู้ปกป้องลูกด้วยการนำตัวเข้าไปขวางคำสาปพิฆาตจากโวลเดอมอร์ขณะพยายามฆ่าแฮร์รี่ การกระทำดังกล่าวทำให้เกิดพันธะปกป้องลึกลับซึ่งเกิดขึ้นจากความรักของแม่ และทำให้คำสาปพิฆาต "อะวาดา เคดาฟ-รา" ซึ่งโวลเดอมอร์เป็นผู้สาปมีผลสะท้อนกลับมายังตัวของเขาเอง ทำให้เขาบาดเจ็บสาหัส และสูญเสียพลังทั้งหมดที่เคยมี ในหนังสือเล่มที่สอง แฮร์รี่ พอตเตอร์กับห้องแห่งความลับ แฮร์รี่บอกกับโวลเดอมอร์ว่า "ไม่มีใครรู้ว่าทำไมคุณถึงสูญเสียพลังอำนาจของคุณไปเมื่อคุณทำร้ายผม ผมไม่รู้ด้วยซ้ำไป แต่ผมรู้ว่าทำไมคุณฆ่าผมไม่ได้..." เมื่อโวลเดอมอร์ไร้พลังอำนาจ จึงจำเป็นต้องหลบซ่อนตัว ในขณะที่แฮร์รี่กลายเป็นผู้โด่งดังและเป็นที่รู้จักในโลกผู้วิเศษว่าเป็น "เด็กชายผู้รอดชีวิต" มีเอกลักษณ์โดดเด่นเป็นแผลเป็นรูปสายฟ้าตรงกลางหน้าผากซึ่งเกิดจากคำสาปของโวลเดอมอร์
หลังจากที่พ่อแม่ของแฮร์รี่เสียชีวิต เขาได้รับการเลี้ยงดู(อย่าง"ถูกบังคับให้รับฝาก")โดยป้าเพ็ตทูเนียซึ่งเป็นพี่สาวของลิลี่ และสามี เวอร์นอน เดอร์สลีย์ ทั้งสองคอยดูแลประคบประหงมแต่ลูกชายของตนที่ชื่อดัดลีย์ และพยายามลบทุกหลักฐานที่บ่งบอกว่าแฮร์รี่มีพลังเวทมนตร์ รวมทั้งบังคับให้เขาเป็น "ปกติ" ที่สุด โดยให้เขาปลีกตัวจากสังคมแทบทุกชนิดโดยเฉพาะสังคมผู้วิเศษ

[แก้] ชีวิตและการผจญภัยของแฮร์รี่ที่ฮอกวอตส์

แฮร์รี่ไม่เคยทราบเลยว่าเขาเป็นพ่อมดจนกระทั่งเขาอายุสิบเอ็ดปี จนกระทั่งรูเบอัส แฮกริด ผู้ดูแลสัตว์ของฮอกวอตส์และคนสนิทของอัลบัส ดัมเบิลดอร์อธิบายความเป็นมาของแฮร์รี่ให้ฟังรวมถึงเล่าถึงสังคมผู้วิเศษอีกด้วย
หลังจากที่แฮร์รี่รับรู้เรื่องดังกล่าว เขาจึงเริ่มศึกษาต่อที่โรงเรียนคาถาพ่อมดแม่มดและเวทมนตร์ศาสตร์ฮอกวอตส์ หมวกคัดสรรเลือกให้เขาไปอยู่ประจำบ้านกริฟฟินดอร์ และเป็นเพื่อนกับรอน วีสลีย์และเฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์ในเวลาต่อมา เขาอยู่ประจำหอนอนเดียวกับรอน, เนวิลล์ ลองบัตท่อม, เชมัส ฟินนิกันและดีน โทมัส
แต่แฮร์รี่ไม่ได้หลงระเริงอยู่กับชื่อเสียงโด่งดังของเขาแต่อย่างใด แม้ว่ากิลเดอรอย ล็อกฮาร์ตและคอลิน ครีฟวีย์ในแฮร์รี่ พอตเตอร์กับห้องแห่งความลับจะคอยย้ำเตือนแฮร์รี่อยู่เป็นพักๆ ว่าเขามีชื่อเสียงโด่งดังมากขนาดไหน ซึ่งทำให้แฮร์รี่รำคาญเป็นอย่างมาก เนื่องจากชื่อเสียงเหล่านี้ แลกมาด้วยความคลั่งไคล้ในแฮร์รี่หรือความเกลียดชังในตัวแฮร์รี่จากหลายต่อหลายคน
แฮร์รี่มีเกราะคุ้มกันวิเศษที่สร้างขึ้นมาจากสายใยความรักของลิลี่และการสละชีพของเธอซึ่งจะช่วยเขาอีกครั้งในสิบปีต่อมาในหนังสือเล่มแรกของชุด เมื่อลอร์ดโวลเดอมอร์แอบแทรกซึมเข้ามาในโลกผู้วิเศษอีกครั้งเพื่อตามหาศิลาอาถรรพ์ โดยใช้ศาสตราจารย์ควีเรลล์เป็นร่างสถิต โวลเดอมอร์เข้ามาในฮอกวอตส์เพื่อตามหาศิลา แต่แฮร์รี่สามารถเข้ามาขัดขวางเขาได้ และการเผชิญหน้ากับโวลเดอมอร์อีกครั้ง แฮร์รี่รอดมาได้อีกเนื่องจากเกราะคุ้มกันนั้นป้องกันไม่ให้โวลเดอมอร์และร่างสถิตแตะต้องตัวของแฮร์รี่ได้ โวลเดอมอร์ทิ้งร่างสถิตไปหลังจากพยายามฆ่าแฮร์รี่และขโมยศิลาอาถรรพ์ไม่สำเร็จ และปล่อยให้ควีเรลล์ตาย
ในแฮร์รี่ พอตเตอร์กับนักโทษแห่งอัซคาบัน นิสัยของแฮร์รี่เริ่มเปลี่ยนไป อารมณ์โกรธของเขารุนแรงขึ้นเนื่องจากเขาเชื่อว่าซิเรียส แบล็กเป็นผู้ทรยศ ทำให้พ่อแม่ของเขาต้องตาย และไปอยู่ฝ่ายเดียวกับโวลเดอมอร์ จนกระทั่งแฮร์รี่พบว่าซิเรียสนั้น เป็นเพื่อนสนิทที่สุดของพ่อ และยังเป็นพ่อทูนหัวของเขาอีกด้วย และแฮร์รี่ก็พบว่าไม่ใช่ซิเรียสที่เป็นคนทรยศพ่อแม่ของเขา แต่เป็นอดีตเพื่อนของพ่อและซีเรียส ปีเตอร์ เพ็ตติกรูว์ซึ่งเป็นข้ารับใช้ของลอร์ดโวลเดอมอร์ ในตอนท้ายของเล่ม ซิเรียสเสนอสิ่งที่แฮร์รี่ปรารถนามาตลอดชีวิต คือให้ไปอยู่กับเขาในบ้านที่ห่างไกลจากครอบครัวเดอร์สลีย์ แฮร์รี่ตอบรับข้อเสนอในทันที แต่สูญเสียโอกาสนี้ไปเนื่องจากซิเรียสจำเป็นต้องหนีจากการจับกุมของทางการที่ยังเชื่ออยู่ว่าซิเรียสเป็นฆาตกร
ในแฮร์รี่ พอตเตอร์กับถ้วยอัคนี เขากลายเป็นจุดสนใจของคนรอบข้างอีกครั้ง เมื่อกลายเป็นผู้เข้าแข่งขันในการประลองเวทไตรภาคี ซึ่งทำให้เพื่อนร่วมบ้านกริฟฟินดอร์ต่างยินดี ยกเว้นรอน ผู้รู้สึกว่าเรื่องนี้เหมือนฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้เขาหมดความอดทนด้วยความที่แฮร์รี่เด่นกว่าเขาในทุกๆ ด้าน รวมถึงบ้านอื่นๆ ที่คิดว่าเขาต้องการเรียกร้องความสนใจ โดยเฉพาะบ้านฮัฟเฟิลพัฟที่มีเซดริก ดิกกอรี่ที่เป็นตัวแทนของฮอกวอตส์อีกคนหนึ่ง แฮร์รี่คืนดีกับรอนในเวลาต่อมา เนื่องจากรอนเห็นแล้วว่าการประลองดังกล่าวอาจเป็นอันตรายถึงชีวิต ในขณะเดียวกันแฮร์รี่และเพื่อนก็สงสัยว่าใครเป็นคนหยอดชื่อของเขาลงไปในถ้วยอัคนี แต่หลังจากที่แฮร์รี่เผชิญหน้ากับลอร์ดโวลเดอมอร์ผู้กลับคืนชีพอีกครั้ง เขาจึงทราบว่าเป็นแผนของโวลเดอมอร์นั่นเอง ในการเผชิญหน้าครั้งนี้แฮร์รี่รอดมาได้อย่างหวุดหวิดจากการที่ไม้กายสิทธิ์ของเขามีแกนกลางเป็นขนนกฟินิกซ์เหมือนกับของโวลเดอมอร์ซึ่งทำให้เกิดปรากฏการณ์ประหลาด ไม้ทั้งสองสะท้อนผลของคาถาซึ่งกันและกัน แต่ก็ต้องแลกกับการตายของเซดริกและเกราะคุ้มกันตัวแฮร์รี่ซึ่งถูกทำลายไปโดยเลือดของเขาเอง ความไว้ใจของแฮร์รี่ยังถูกทดสอบอีกครั้งเมื่อรู้ว่าศาสตร์จารย์มู้ดดี้ที่แฮร์รี่นับถือ แท้ที่จริงแล้วเป็นผู้เสพความตายปลอมตัวมาและทำให้แฮร์รี่เกือบตกอยู่ในอันตรายสูงสุด แต่ดัมเบิลดอร์ก็ช่วยเขาไว้ได้อีกครั้ง
ต่อมาในแฮร์รี่ พอตเตอร์กับภาคีนกฟีนิกซ์ แฮร์รี่เริ่มเข้าสู่วัยผู้ใหญ่พร้อมกับมีอารมณ์รุนแรงยิ่งขึ้นอีก รอนและเฮอร์ไมโอนี่มักถูกเขาตะคอกใส่ตลอดทั้งปี ในปีนี้แฮร์รี่ต้องเผชิญกับการโจมตีอย่างหนักจากสื่อมวลชนซึ่งได้รับความกดดันจากกระทรวงเวทมนตร์ เนื่องจากแฮร์รี่บอกว่าโวลเดอมอร์กลับมาในปีที่แล้ว และฮอกวอตส์ก็ถูกแทรกแซงโดยคอร์นีเลียส ฟัดจ์ รัฐมนตรีกระทรวงเวทมนตร์ ด้วยการออกกฤษฎีกาการศึกษาออกมา รวมถึงการส่งตัวโดโลเรส อัมบริดจ์ อาจารย์สอนวิชาป้องกันตัวจากศาสตร์มืดคนใหม่ซึ่งกลายมาเป็นเจ้าพนักงานสอบสวนใหญ่ของฮอกวอตส์ในเวลาต่อมา เธอได้สร้างความลำบากให้แก่แฮร์รี่เป็นอย่างมาก โดยทำทุกวิถีทางเพื่อไม่ให้นักเรียนได้เรียนรู้วิชาที่เธอสอนในภาคปฏิบัติ เนื่องจากฟัดจ์กลัวว่าดัมเบิลดอร์จะจัดตั้งกองทัพเพื่อโค่นล้มเขา รวมถึงลงโทษแฮร์รี่ที่พูดว่าโวลเดอมอร์กลับมาแล้ว ยังดีที่เฮอร์ไมโอนี่เป็นผู้ริเริ่มจัดตั้งชั้นเรียนลับๆ ขึ้นเรียกว่ากองทัพดัมเบิลดอร์ ซึ่งสอนโดยตัวของแฮร์รี่เอง ชั้นเรียนดังกล่าวช่วยลดความกดดันในตัวแฮร์รี่ได้มากทีเดียว นอกจากนี้เขาพบว่าตนเองมีความสามารถใหม่ในการรับรู้ถึงอารมณ์ของลอร์ดโวลเดอมอร์ แต่หารู้ไม่ว่าโวลเดอมอร์นั้นก็รับรู้ถึงอารมณ์ของแฮร์รี่ด้วยซึ่งทำให้แฮร์รี่ตกอยู่ในอันตรายเพราะความสามารถนี้ในเวลาต่อมา ในขณะเดียวกันดัมเบิลดอร์ได้รวบรวมสมาชิกและจัดตั้งภาคีนกฟีนิกซ์ขึ้นมาอีกครั้ง จนกระทั่งแฮร์รี่ทราบว่าซิเรียสหายตัวไป เขาและเพื่อนๆ รวมชั้นกองทัพดัมเบิลดอร์จึงเสี่ยงชีวิตเข้าไปในกระทรวงเวทมนตร์เพื่อตามหาเขา แต่ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นกับดักและแผนของลอร์ดโวลเดอมอร์ซึ่งต้องการให้แฮร์รี่นำคำพยากรณ์ที่ซีบิลล์ ทรีลอว์นีย์ทำนายไว้มาให้ แฮร์รี่ถูกบรรดาผู้เสพความตายโจมตีอีกครั้ง แต่เหล่าสมาชิกภาคีนกฟินิกซ์รวมถึงซิเรียสและดัมเบิลดอร์มาช่วยเอาไว้ เหล่าผู้เสพความตายและโวลเดอมอร์พ่ายแพ้ แต่ต้องแลกกับการสูญเสียซิเรียส แบล็กผู้เป็นที่รักยิ่งของแฮร์รี่ เหตุการณ์นี้ทำให้อารมณ์ของแฮร์รี่ตกต่ำลงอย่างมาก และเพิ่มความกดดันในตัวแฮร์รี่ที่จะต้องเอาชนะศาสตร์มืดให้ได้
แฮร์รี่ พอตเตอร์กับอัลบัส ดัมเบิลดอร์ ในหนังสือเล่มที่หกของชุด แฮร์รี่ พอตเตอร์กับเจ้าชายเลือดผสม
และในแฮร์รี่ พอตเตอร์กับเจ้าชายเลือดผสม สังคมผู้วิเศษยอมรับความจริงเรื่องการกลับมาของลอร์ดโวลเดอมอร์และต่างพิจารณาให้แฮร์รี่เป็น "ผู้ที่ถูกเลือก" ตามคำพยากรณ์ซึ่งคาดเดากันไปต่างต่างนานา ว่าแฮร์รี่จะเป็นผู้พิชิตโวลเดอมอร์อีกครั้ง ในปีนี้ดัมเบิลดอร์ไว้วางใจในตัวแฮร์รี่อย่างเต็มที่ และให้แฮร์รี่ดูความทรงจำในเพนซีฟซึ่งเกี่ยวกับอดีตของโวลเดอมอร์และฮอร์ครักซ์ของเขา ดัมเบิลดอร์ยังพาแฮร์รี่ออกเดินทางไปตามหาฮอร์ครักซ์ วัตถุที่บรรจุเศษเสี้ยววิญญาณของโวลเดอมอร์ และจำเป็นจะต้องถูกทำลายเพื่อโวลเดอมอร์จะไม่สามารถฟื้นคืนชีพได้อีก ฮอร์ครักซ์ดังกล่าวซ่อนไว้ในถ้ำกลางทะเลสาบซึ่งเต็มไปด้วยอินเฟอไร ร่างคนตายที่ถูกครอบงำด้วยมนตร์ดำ ตามมาด้วยเหตุการณ์ที่กองทัพผู้เสพความตายบุกฮอกวอตส์และเซเวอรัส สเนปสังหารอาจารย์ใหญ่ของเขาเอง ซึ่งนำมาสู่คำถามต่อมาคือฮอกวอตส์จะเปิดสอนในปีต่อไปหรือไม่ แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม แฮร์รี่ได้ตัดสินใจแล้วว่าจะไม่กลับไปเรียนจนกว่าเขาจะสามารถทำลายฮอร์ครักซ์ที่เหลือและพิชิตโวลเดอมอร์ให้ได้
ซึ่งหมายความว่าในหนังสือเล่มที่เจ็ดและเล่มสุดท้ายของชุด แฮร์รี่จะต้องเผชิญหน้ากับโวลเดอมอร์ แต่เขาไม่ต้องฝ่าฟันอุปสรรคนี้เพียงลำพัง เพราะรอนกับเฮอร์ไมโอนี่สัญญาว่าจะเดินทางไปกับแฮร์รี่ทุกแห่งเพื่อช่วยปฏิบัติภารกิจนี้ให้สำเร็จ อันจะนำไปสู่จุดจบที่สมบูรณ์ของหนังสือชุดแฮร์รี่ พอตเตอร์
ในภาคที่เจ็ดแฮร์รี่กำลังจะอายุครบสิบเจ็ดปีซึ่งหมายถึงเขาบรรลุนิติภาวะของโลกผู้วิเศษศและร่องรอยของเขาก็จะหมดลง แฮร์รี่ไม่ได้วางแผนที่จะกลับไปที่ฮอกวอตส์ เขาเตรียมการเพื่อไปตามหาฮอร์ครักซ์เพียงคนเดียวและเขาบอกให้พวกเดอร์สลีย์หนีออกจากบ้านเลขที่สี่ ซอยพรีเว็ตเนื่องจากโวลเดอมอร์จะมาตามหาตัวแฮร์รี่และอาจฆ่าพวกเดอร์สลีย์ได้ ก่อนวันที่เขาจะอายุครบสิบเจ็ดสี่วันพวกภาคีนกฟีนิกซ์มาที่บ้านเลขที่สี่และวางแผนให้ปลอมตัวเป็นแฮร์รี่เจต็ดคนกระจายไปคนละทิศทางเพื่อให้โวลเดอมอร์ไม่รู้ว่าคนไหนคือแฮร์รี่ตัวจริง พวกเดอร์สลีย์ก็ยอมหนีไปกับสมาชิกภาคีบางคน พวกภาคีเตรียมการให้แฮร์รี่ตัวปลอมและตัวจริงกระจายกันออกไปและไปพบกันที่บ้านโพรงกระต่าย พวกเขาทั้งหมดออกเดินทางโดยแฮร์รี่เดินทางไปกับแฮกริดแต่ระหว่างเดินทางพวกเขาถูกผู้เสพความตายโจมตีทางอากาศ แฮร์รี่สูญเสียเฮ็ดวิกนกฮูกของเขาและไม้กวาดที่ซิเรียสให้มา ผู้เสพความตายตามตัวเขาเจอและเรียกให้โวลเดอมอร์มาหา เมื่อโวลเดอมอร์พบตัวแฮร์รี่เขาพยายามฆ่าแฮร์รี่ด้วยไม้ที่เขายืมมา แต่ไม้ของแฮร์รี่กลับโจมตีโดยที่เขาไม่ได้แตะต้องและทำให้ไม้ที่โวลเดอมอร์ยืมระเบิดไป พวกเขามาถึงเขตของภาคีและใช้กุญแจนำทางไปที่บ้านโพรงกระต่าย หลังจากนั้นพวกภาคีคนอื่นๆก็ตามกันมาแต่มู้ดดี้ถูกผู้เสพความตายฆ่าตาย เฮอร์ไมโอนี่และรอนขอร่วมเดินทางไปกับแฮร์รี่เพื่อไปตามหาฮอร์ครักซ์ซึ่งแฮร์รี่ก็ตอบตกลง ในงานวันเกิดของแฮร์รี่ นายกรัฐมนตรีกระทรวงเวทมนตร์ รูฟัส สคริมเจอร์เดินทางมาเพื่อเปิดพินัยกรรมของดัมเบิลดอร์ แฮร์รี่ได้รับลูกสนิชที่เขาจับได้ครั้งแรกและดาบของกริฟฟินดอร์ แต่สคริมเจอร์ไม่ยอมมอบดาบให้จึงทำให้มีปากเสียงกับแฮร์รี่และสคริมเจอร์ก็จากไป ในงานแต่งงานของบิลพี่ชายของรอนภายในงานถูกผู้เสพความตายบุกทำลายและพวกเขารู้ว่าสคริมเจอร์ถูกฆ่าและกระทรวงถูกโวลเดอมอร์ยึดเสียแล้ว พวกเขาหนีไปที่บาร์แห่งหนึ่งแต่ถูกผู้เสพความตายตามเจอพวกเขาต่อสู้กับผู้เสพความตายและหนีมาได้ พวกเขาหนีไปอยู่ที่บ้านของตระกูลแบล็คและคอยหาข่าวต่างๆ พวกเขารู้ความลับเรื่อง ร.อ.บ. บุคคลลึกลับที่เปลี่ยนล็อกเก็ตและนำของจริงไปซ่อนและรู้อีกด้วยว่าล็อกเก็ตอยู่ในมือของอัมบริดจ์ ที่ฮอกวอตส์เองก็ถูกโวลเดอมอร์ยึดและสเนปขึ้นเป็นอาจารย์ใหญ่คนใหม่ นอกจากนั้นยังมีการตามล่าพวกลูกมักเกิ้ลโดยที่พวกผู้เสพความตายอ้างว่าพวกมักเกิ้ลขโมยพลังเวทมนตร์มา พวกเขาปลอมตัวเป็นคนในกระทรวงและสามารถเข้าถึงกระทรวงได้ ที่กระทรวงแฮร์รี่พบกับอัมบริดจ์ เขาได้เข้าไปในห้องทำงานของเธอและพบกับลูกตาของมู้ดดี้เขาจึงดึงมันออกมาจากที่นั่น เขาแอบเข้าไปที่ห้องพิจรณาคดีที่อัมบริดจ์อยู่และขโมยล็อกเก็ตมาได้ แต่ผู้เสพความตายรู้ทันเพราะรู้ที่ลูกตาของมู้ดดี้เคยอยู่อยู่ที่ประตูห้องทำงานของอัมบริดจ์ พวกเขาหนีไปที่บ้านตระกูลแบล็กแต่ผู้เสพความตายติดตามมาได้ พวกเขาจึงหนีไปอยู่ที่ป่า แต่อำนาจของล็อกเก็ตทำให้จิตใจรอนเร่าร้อนและหนีพวกเขาไป แฮร์รี่กับเฮอร์ไมโอนี่ไปที่ก็อดดริกส์โฮลโล่เพื่อไปเยี่ยมหลุมศพของพ่อแม่แฮร์รี่ แต่พวกเขาพบกับงูของโวลเดอมอร์ งูต่อสู้กับพวกเขาแต่เฮอร์ไมโอนี่พาเขาหนีมาได้แต่เขาก็พบว่าไม้กายสิทธิ์ของเขาหักเสียแล้ว วันหนึ่งแฮร์รี่พบกับผู้พิทักษ์ที่เป็นกวางตัวเมีย เขาตามมันไปและพบกับดาบของกริฟฟินดอร์ซึ่งอยู่ในทะเลสาบ เขาพยายามลงไปแต่ล็อกเก็ตรัดคอของเขาจนแทบขาดใจแต่รอนกลับมาและช่วยเขาไว้ทันและสามารถนำดาบกริฟฟินดอร์ขึ้นมาได้ รอนสามารถทำลายล็อกเก็ตได้ในที่สุด
หลังจากนั้นพวกเขาไปที่บ้านของเซโนฟิเลียส เลิฟกู๊ดและรู้เรื่องของเครื่องรางยมทูตที่โวลเดอมอร์กำลังตามหาอยู่แต่เซโนฟิเลียสหักหลังพวกเขา เซโนฟิเลียสตามผู้เสพความตายมาเพื่อจัดการแฮร์รี่ พวกเขาสู้กับผู้เสพความตายจนบ้านของเซโนฟิเลียสระเบิดและพวกเขาสามรถหนีมาได้ คราวหลังแฮร์รี่และพวกอยู่ในป่าแห่งหนึ่งแต่แฮร์รี่เผลอเอ่ยชื่อโวลเดอมอร์จนผู้เสพความตายตามตัวเจอและจับเขาไปที่คฤหาสถ์มัลฟอย เบลาทริกซ์รู้ว่าพวกเขามีดาบกริฟฟินดอร์เธอจึงจับเฮอร์ไมโอนี่ไปทรมานเพราะคิดว่าเฮอร์ไมโอนี่รู้เรื่องความลับของตู้นิรภัยของเธอที่ธนาคารกริงกอตส์ ด๊อบบี้มาช่วยแฮร์รี่ไว้ได้พวกแฮร์รี่เองก็ช่วยชีวิต ลูน่า ดีน โอลิแวนเดอร์และกริ๊บฮุกมาได้และหนีไปที่กระท่อมเปลือกหอย แต่ด๊อบบี้ถูกมีดของเบลลาทริกซ์ปักอกจนตาย แฮร์รี่ถามเรื่องห้องนิรภัยของเบลลาทริกซ์และพบว่ามีฮอร์ครักซ์ซ่อนอยู่ เขาตกลงใจว่าจะนำเอาดาบกริฟฟินดอร์ไปทำลายฮอร์ครักซ์และขอให้กริ๊บฮุกช่วยเขาบุกเข้าไปในกริงกอตส์แต่กริ๊บฮุกมีข้อแลกเปลี่ยนโดยแฮร์รี่ต้องเอาดาบให้กริ๊บฮุก แฮร์รี่ก็ตอบตกลง พวกเขาบุกกริงกอตส์สำเร็จและเข้าถึงห้องนิรภัยของเบลลาทริกซ์แต่ก็พบกับสมบัติมากมายที่เมื่อแตะแล้วจะเพิ่มจำนวนและยังเผาไหม้ผิวหนังได้อีกด้วย กองสมบัติทวีมากยิ่งขึ้นและเขาพบถ้วยทองซึ่งเป็นฮอร์ครักซ์แต่ในตอนที่ออกมาจากห้องนิรภัยนั้นกริ๊บฮุกชิงดาบตัดหน้าเขาไปก่อนแล้ว ผู้ดูแลที่กริงกอตส์ตามตัวพวกเขาเจอพวกเขาต่อสู้กันจนกระทั่งพวกแฮร์รี่ขี่มังกรที่เฝ้าสมบัติหน้าห้องนิรภัยหนีไปได้ พวกเขาหยุดลง ณ ทะเลสาบแห่งหนึ่งและพบว่าฮอร์ครักซ์อีกชิ้นอยู่ที่ฮอกวอตส์ พวกเขาหายตัวไปฮอกส์มี้ดแต่ผู้เสพความตายเสกคาถาแมวครวญไว้ทำให้ผู้เสพความตายตามตัวเขาได้แต่พวกแฮร์รี่ได้รับการช่วยเหลือจากอาเบอร์ฟอร์ธน้องชายดัมเบิลดอร์ และสามารถไปฮอกวอตส์โดยผ่านรูปภาพของน้องสาวดัมเบิลดอร์เข้าไปได้ แฮร์รี่พบกับเนวิลล์และกองทัพดัมเบิลดอร์คนอื่นๆ แฮร์รี่ต้องการรู้ถึงสมบัติของเรเวนคลอที่อาจจะเป็นฮอร์ครักซ์ เขาไปที่ห้องนั่งเล่นเรเวนคลอแต่ถูกพี่น้องแคร์โรลขัดขวาง แต่เขาสามารถจัดการกับพี่น้องแคร์โรลได้ และพบกับมักกอนนากัลที่กำลังต่อสู้กับสเนปอย่างดุเดือด สเนปหนีไปได้ทางฮอกวอตส์เองก็เตรียมการรับมือกับโวลเดอมอร์ที่กำลังจะบุกฮอกวอตส์ สงครามฮอกวอตส์เริ่มขึ้นพร้อมการต่อสู้ที่ แฮร์รี่รู้ถึงความลับเรื่องรัดเกล้าของเรเวนคลอและรู้ถึงที่ซ่อนเขาพบกับเฮอร์ไมโอนี่และรอนที่ทำลายถ้วยทองได้สำเร็จ แฮร์รี่เข้าไปยังห้องต้องประสงค์ที่ที่ซ่อนรัดเกล้าไว้แต่ก็พบกับพวกมัลฟอย ทั้งหมดต่อสู้กันจน แครบลูกสมุนของมัลฟอยเสกเพลิงปีศาจขึ้นทำให้ห้องต้องประสงค์ลุกเป็นไฟ พวกเขาหนีเพลิงปีศาจได้สำเร็จและช่วยชีวิตมัลฟอยกับกอล์ยได้ส่วนแครบนั้นตายอยู่ข้างในห้องต้องประสงค์ แฮร์รี่พบว่ารัดเกล้าถูกเพลิงปีศาจทำลายจนสูญสลาย พวกเขาไปที่เพิงโหยหวนและพบกับโวลเดอมอร์ที่ฆ่าสเนปเนื่องจากเขาต้องการเป็นเจ้าของไม้เอลเดอร์ที่แท้จริง หลังจากนั้นโวลเดอมอร์บอกว่าเขาจะรอแฮร์รี่ที่ป่าต้องห้ามหากไม่มาเขาจะสู้ร่วมกับผู้เสพความตาย ก่อนตายสเนปให้ความทรงจำของเขากับแฮร์รี่กำชับว่าให้แฮร์รี่ดู
แฮร์รี่เมื่อได้ความทรงจำมาเขานำไปที่เพนซิฟเพื่อดูความทรงจำและพบว่าสเนปเป็นคนดีที่คอยช่วยเหลือแฮร์รี่ตลอดและยังเป็นสายลับของดัมเบิลดอร์อีกด้วย แฮร์รี่ไปที่ป่าต้องห้ามเขาสามารถเปิดลูกสนิชซึ่งซ่อนหินชุบชีวิตหนึ่งในเครื่องรางยมทูตได้และพบกับพ่อแม่ของเขา โวลเดอมอร์พบตัวแฮร์รี่และเสกคำสาปพิฆาตใส่แฮร์รี่ แฮร์รี่อยู่ที่อีกโลกหนึ่งระหว่างความเป็นกับความตายเขาพบกับดัมเบิลดอร์ซึ่งอธิบายว่าฮอร์ครักซ์อีกชิ้นคือตัวแฮร์รี่ซึ่งเป็นฮอร์ครักซ์ที่โวลเดอมอร์ไม่ได้ตั้งใจที่จะสร้างขึ้นและตอนนี้ถูกทำลายแล้ว ดัมเบิลดอร์เล่าเรื่องต่างๆอีกมากมายรวมทั้งเรื่องไม้เอลเดอร์ในตอนท้ายดัมเบิลดอร์ให้แฮร์รี่เลือกว่าจะไปต่อหรือกลับไปในโลกของความจริง แฮร์รี่เลือกที่จะกลับไป เขาฟื้นขึ้นมาแต่แกล้งตายเพื่อหลอกโวลเดอมอร์ ทางโวลเดอมอร์เองคิดว่าแฮร์รี่ตายแล้วและประกาศไปทั่วฮอกวอตส์ ทางฝ่ายฮอกวอตส์เองขอสู้เพื่อแฮร์รี่สงครามจึงเกิดขึ้นเมื่อกองทัพของฮอกวอตส์ประทะกับผู้เสพความตาย ยักษ์ปะทะกัน เอลฟ์สู้สงครามกับผู้เสพความตาย สัตว์อื่นทะลวงกองทัพผู้เสพความตาย ต่างฆ่าฟันกันมากมาย จนกระทั่งเนวิลล์ชักดาบกริฟฟินดอร์ที่เชื่อมต่อกับหมวกคัดสรรออกมาและกริ๊บฮุกก็พบคราวหลังว่าดาบหายไป เนวิลล์ใช้ดาบตัดคองูของโวลเดอมอร์ซึ่งเป็นฮอร์ครักซ์และฮอร์ครักซ์ทุกชิ้นถูกทำลายหมดสิ้น แฮร์รี่จึงลุกขึ้นและสู้กับโวลเดอมอร์ ในการต้านคาถากันแฮร์รี่ต้านคำสาปพิฆาตของโวลเดอมอร์ทำให้คำสาปย้อนไปโดนโวลเดอมอร์ โวลเดอมอร์ตายในที่สุดและแฮร์รี่เองก็ได้เป็นเจ้าของไม้เอลเดอร์ที่แท้จริงแต่เขาทิ้งมันไว้ในห้องทำงานดัมเบิลดอร์เพื่อไม่ให้ผู้ใดครอบครองมันอีก สิบเก้าปีต่อมาแฮร์รี่มาส่งลูกๆที่สถานีรถไฟเขาแต่งงานกับจินนี่มีลูกด้วยกันสามคนคือ เจมส์ ซิเรียส,อัลบัส เซเวอรัส และ ลิลี่ ลูน่า พอตเตอร์ ทุกอย่างจบลงด้วยดี

[แก้] คุณลักษณะ, บุคลิกและบุคคลรอบข้าง

ผู้ใหญ่หลายๆ คนที่รู้จักพ่อแม่ของแฮร์รี่มักจะบอกว่าแฮร์รี่มีหน้าตาเหมือนกับเจมส์พ่อของเขา แต่มีดวงตาคล้ายกับลิลี่แม่ของเขา ซึ่งดูแฮร์รี่จะมีความสุขเมื่อได้ยินดังกล่าว
ความปรารถนาจากก้นบึ้งของหัวใจแฮร์รี่คือการได้ดำรงชีวิตอย่างปกติและมีครอบครัวของเขาอยู่เคียงข้าง และให้ทุกคนที่เขาห่วงใยปลอดภัยดีและมีความสุข ต่อมาเขาก็พบว่าสิ่งเหล่านี้จะไม่มีทางเกิดขึ้นได้ ตราบใดที่โวลเดอมอร์ยังมีตัวตนอยู่ไม่ว่าในรูปแบบใดก็ตาม แฮร์รี่มีนิสัยยอมเสี่ยงตนเองเพื่อช่วยผู้อื่นและมักโน้มน้าวให้ผู้อื่นไม่ทำให้ตัวเองตกอยู่ในอันตราย กรณีดังกล่าวสามารถยกตัวอย่างได้เช่นในแฮร์รี่ พอตเตอร์กับศิลาอาถรรพ์ แฮร์รี่ไม่ต้องการให้รอนและเฮอร์ไมโอนี่ร่วมค้นหาศิลาอาถรรพ์กับเขา และในแฮร์รี่ พอตเตอร์กับภาคีนกฟีนิกซ์แฮร์รี่พยายามโน้มน้าวไม่ให้เพื่อนของเขา ประกอบไปด้วยจินนี่, เนวิลล์ และลูน่า รวมถึงเพื่อนสนิทของเขา รอนและเฮอร์ไมโอนี่ ไปช่วยซีเรียสที่กระทรวงเวทมนตร์กับเขา
อย่างไรก็ตาม ข้อเสียในตัวแฮร์รี่ก็มีอยู่หลายประการ เขาโมโหง่ายถ้าพ่อแม่หรือใครก็ตามที่เขาห่วงใยถูกดูหมิ่นเหยียดหยาม หรือเมื่อไรก็ตามที่มีคนไม่เชื่อถือคำพูดของเขา และเขาก็เหมือนรอนที่เรียนไม่ค่อยเก่งนักในหลายๆ วิชา ในเล่มที่ห้า (ภาคีนกฟีนิกซ์)แฮร์รี่มีอารมณ์โมโหร้ายมากขึ้น ซึ่งเป็นผลจากการที่สังคมผู้วิเศษเกือบทั้งหมดเชื่อว่าเขาเป็นคนโกหกที่ต้องการเรียกร้องความสนใจ ผนวกกับการเติบโตเป็นวัยรุ่นซึ่งเป็นพัฒนาการทางอารมณ์อย่างหนึ่ง ในบางครั้ง เขาถึงกับโมโหใส่รอนและเฮอร์ไมโอนี่ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นเวลาที่ทั้งสองคนนั้นทะเลาะกัน อารมณ์โกรธดังกล่าวสามารถยกตัวอย่างได้เช่น ตอนที่รอนทะเลาะกับแฮร์รี่ และแฮร์รี่ไม่ยอมคืนดีเพราะรอนไม่เชื่อว่าเขาไม่ได้หย่อนชื่อตัวเองลงไปในถ้วยอัคนี ในแฮร์รี่ พอตเตอร์กับถ้วยอัคนีเป็นต้น
แฮร์รี่มักแปลกแยกจากคนอื่นและอยู่เพียงลำพัง เขาสูญเสียพ่อแม่, พ่อทูนหัว และผู้พิทักษ์ที่แกร่งที่สุดอย่างดัมเบิลดอร์ไป ทำให้ตอนนี้เหลือเพียงรีมัส ลูปินและครอบครัววีสลีย์ที่แฮร์รี่พึ่งพาได้จริงๆ นางวีสลีย์ในมุมมองของแฮร์รี่คือบุคคลที่มีลักษณะดูแลห่วงใยและเป็นแม่ของเขา เพราะเธอปฏิบัติต่อเขาเปรียบเสมือนลูกคนหนึ่งของเธอเอง และในบางคราวแฮกริดก็จะคอยช่วยเหลือและมอบคำแนะนำให้แก่แฮร์รี่ แต่เมื่อแฮร์รี่โตขึ้น ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองก็หดหายลงไปบ้าง เพราะในช่วงหลังๆแฮร์รี่กับแฮกริดไม่ค่อยได้พบกันบ่อยนัก
แฮร์รี่มีความจงรักภักดีต่อใครก็ตามที่เขานับถืออย่างถึงที่สุด แต่ในขณะเดียวกันเขาก็ต้องการความภักดี (หรือความเคารพ) จากบุคคลนั้นกลับมาในระดับหนึ่งด้วย ซึ่งบุคลิกนี้ทำให้แฮร์รี่ปล่อยวางจากสิ่งที่เขาทำอยู่ตามคำแนะนำของบุคคลนั้นๆ แต่ในบางครั้งก็ทำให้เขาละเมิดทุกกฏเกณฑ์เพื่อทำสิ่งที่จะเป็นประโยชน์แก่บุคคลที่เขาภักดี และละเลยคำตักเตือนแม้กระทั่งจากเพื่อนเช่นเฮอร์ไมโอนี่
แฮร์รี่มีลักษณะปล่อยให้ความไว้เนื้อเชื่อใจในบุคคลใดๆ เป็นตัวตัดสินบุคคลนั้น และค่อนข้างรู้ดีว่าเขาเชื่อใจใครได้หรือไม่ได้ เช่นแฮร์รี่ไม่สู้เต็มใจที่จะเชื่อใจเซเวอรัส สเนป อาจารย์สอนวิชาปรุงยาของเขานัก แม้ว่าอาจารย์ใหญ่ของฮอกวอกส์อย่างดัมเบิลดอร์จะเชื่อมั่นและเชื่อใจสเนปก็ตาม การที่เขาได้รับการเลี้ยงดูโดยครอบครัวเดอร์สลีย์ที่คอยกดขี่ข่มเหงเขามาตลอดชีวิตก่อนที่จะรู้ว่าตัวเองเป็นพ่อมด และประสบกับชะตากรรมเลวร้ายต่างต่างนานาซึ่งสร้างความทรงจำอันเจ็บปวดฝังใจ (เห็นการเสียชีวิตของเซดริก ดิกกอรี่กับตาตนเองในถ้วยอัคนี, ซีเรียส แบล็กตกลงผ่านม่านแห่งความตายในภาคีนกฟีนิกซ์ และดัมเบิลดอร์ถูกสเนปสังหารในเจ้าชายเลือดผสม) ทำให้แฮร์รี่มีมุมมองแตกต่างจากที่คนอื่นมองเห็น ความรู้สึกเดียวดายของแฮร์รี่เพิ่มมากขึ้นเมื่อเขาได้ยินคำพยากรณ์ว่าเขาจะต้องสู้กับโวลเดอมอร์จนตายกันไปข้างหนึ่ง

[แก้] ความสัมพันธ์และความรัก

เฮอร์ไมโอนี่มักเป็นที่จับตามองว่าเป็นคู่รักของแฮร์รี่ เพียงเพราะเธอเป็นเพื่อนผู้หญิงที่สนิทที่สุดของแฮร์รี่ ทั้งสองมักถูกคนรอบข้างจับคู่ให้อยู่บ่อยครั้ง ในปีที่สี่ของแฮร์รี่ วิกเตอร์ ครัม ผู้เป็นตัวแทนของเดิร์มสแตรงก์ในการประลองเวทไตรภาคีซึ่งแอบชอบเฮอร์ไมโอนี่และบอกความรู้สึกนั้นกับเธอในเวลาต่อมา รู้สึกอิจฉาแฮร์รี่ ที่มีโอกาสได้คุยกับเฮอร์ไมโอนี่ตลอดเวลา อีกคนหนึ่งที่ทำการจับคู่แฮร์รี่-เฮอร์ไมโอนี่อย่างเปิดเผยคือริต้า สกีตเตอร์ นักข่าวของหนังสือพิมพ์เดลี่พรอเฟ็ต ที่เขียนเรื่องราวที่ใส่สีตีไข่ที่กล่าวถึงรักสามเส้าระหว่างแฮร์รี่, เฮอร์ไมโอนี่ และวิกเตอร์ลงในบทความในหนังสือพิมพ์เดลี่พรอเฟ็ตในปีเดียวกัน และท้ายที่สุด ในปีที่ห้า (แฮร์รี่ พอตเตอร์กับภาคีนกฟีนิกซ์) ผู้ที่รู้สึกหึงแกมอิจฉาความสัมพันธ์ฉันท์เพื่อนระหว่างแฮร์รี่และเฮอร์ไมโอนี่ก็คือโช แชง
ความสัมพันธ์ระหว่างแฮร์รี่กับโช เริ่มปูรากฐานในปีที่สาม (แฮร์รี่ พอตเตอร์กับนักโทษแห่งอัซคาบัน) ซึ่งในปีดังกล่าว ทุกครั้งที่แฮร์รี่เห็นโช หรือรู้ว่าเธอมองอยู่ เขาจะรู้สึกประหม่าและทำอะไรไม่ถูก จนกระทั่งหนึ่งปีต่อมา ความแอบชอบของแฮร์รี่ก็พัฒนาขึ้นมาอย่างจริงจัง ซึ่งสามารถทำให้เขารวบรวมความกล้าเข้าไปชวนโชไปงานเลี้ยงเต้นรำในวันคริสต์มาสได้ แต่เธอต้องตอบปฏิเสธ เนื่องจากตกลงที่จะไปงานกับเซดริก ดิกกอรี่ ตัวแทนประลองเวทไตรภาคีของฮอกวอตส์อีกคน และเป็นคู่รักกันแล้ว แต่คนทั้งสองต้องพรากจากกันอย่างน่าเศร้า เมื่อเซดริกถูกสังหารในตอนท้ายของแฮร์รี่ พอตเตอร์กับถ้วยอัคนี มาถึงแฮร์รี่ พอตเตอร์กับภาคีนกฟีนิกซ์ เป้าหมายความสนใจของโชตกมาอยู่ที่แฮร์รี่ และความสัมพันธ์แบบขึ้นๆ ลงๆ ระหว่างแฮร์รี่และโชก็เกิดขึ้นและดำเนินไปตลอดทั้งปี จนกระทั่งแฮร์รี่ได้จูบแรกจากโชใต้ช่อมิสเซิลโท (ตามประเพณีของคริสตศาสนิกชน โดยเฉพาะชาวตะวันตก เชื่อว่าบุคคลคู่ใดที่มาอยู่ใต้ช่อมิสเซิลโท ถูกกำหนดมาให้ให้จูบกัน) แต่ท้ายที่สุดแล้ว ความสัมพันธ์ของทั้งสองก็ไปไม่ได้ตลอดรอดฝั่ง ด้วยเหตุว่าความรู้สึกและความยึดติดระหว่างทั้งสองนั้นไม่เท่ากัน โชเห็นแฮร์รี่เป็นตัวสำรองจากการตายของเซดริก และแกมว่าเป็นที่ระบายความรู้สึก ในขณะที่แฮร์รี่ยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้นได้แล้ว และกำลังเดินหน้าต่อไป ทำให้แฮร์รี่แทนที่จะได้ผ่อนคลายความตึงเครียดต่างๆ จากการคบกับโช กลับทำให้ความเครียดเพิ่มมากขึ้น รวมถึงการที่โชหึงเฮอร์ไมโอนี่ก็มีส่วนให้ความสัมพันธ์ระหว่างแฮร์รี่และโชมึนตึงยิ่งขึ้นไปอีก จนกระทั่งมาถึงจุดแตกหักเมื่อโชปกป้องมาริเอตต้า เอ็ดจ์คอมบ์ที่ทรยศกองทัพดัมเบิลดอร์ด้วยการนำความลับของที่ซ่อนไปบอกโดโลเรส อัมบริดจ์ซึ่งแฮร์รี่เห็นว่าไม่น่าให้อภัยได้ แฮร์รี่และโชไม่เคยบอกเลิกคบกันอย่างจริงๆ จังๆ เพียงแต่ห่างเหินกันไปเท่านั้น และในตอนท้ายของแฮร์รี่ พอตเตอร์กับภาคีนกฟีนิกซ์ แฮร์รี่เห็นว่าโชอยู่ในอีกโลกหนึ่งคือโลกก่อนที่พ่อทูนหัวของเขา ซีเรียส แบล็กจะจากไป ทำให้ความรู้สึกต่อโชของแฮร์รี่ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
ความสัมพันธ์ที่ล้มเหลวกับโชของแฮร์รี่นั้น ตรงกันข้ามกับความสัมพันธ์ต่อมาในปีที่หก (แฮร์รี่ พอตเตอร์กับเจ้าชายเลือดผสม) กับจินนี่ วีสลีย์ น้องสาวของรอน ผู้หญิงที่ เจ.เค. โรว์ลิ่งกล่าวว่าเป็นผู้หญิงในอุดมคติของแฮร์รี่ และมีความเท่าเทียมกับแฮร์รี่ในทุกๆ ด้าน ความสัมพันธ์ของทั้งคู่เริ่มต้นจากการที่จินนี่ตกหลุมรักแฮร์รี่อย่างหัวปักหัวปำ ซึ่งเปิดเผยในแฮร์รี่ พอตเตอร์กับศิลาอาถรรพ์ และนำเสนอเป็นพล็อตเรื่องรองไปตลอดจนถึงนักโทษแห่งอัซคาบัน และถ้วยอัคนี แต่ความรู้สึกดังกล่าวจางหายไปในปีที่ห้า (ภาคีนกฟีนิกซ์) เมื่อเฮอร์ไมโอนี่บอกกับแฮร์รี่ว่าในที่สุดจินนี่ ก็ทำใจยอมรับรักข้างเดียวที่ไม่เป็นผลได้สำเร็จ ซึ่งปรากฏว่าเป็นเช่นนั้นจริงๆ และความเขินอายที่เคยมีมาตลอดเมื่อเห็นแฮร์รี่ก็หายเป็นปลิดทิ้ง และทำให้แฮร์รี่ได้ทำความรู้จักตัวตนที่แท้จริงของจินนี่ ซึ่งตามความเห็นของรอน เป็นผู้หญิงที่ 'ไม่เคยหุบปาก' ตลอดทั้งปี จินนี่มักจะเป็นผู้สงบสติอารมณ์แฮร์รี่ ซึ่งเป็นคนขี้โวยวาย และอารมณ์แปรปรวนในขณะนั้น ให้แฮร์รี่กลับมาเข้าที่เข้าทางได้ รวมถึงแทบจะเป็นคนเดียวที่ประสบความสำเร็จในการทนอารมณ์ร้ายของแฮร์รี่ ซึ่งรวมทั้งตอนที่แฮร์รี่ถูกชักนำด้วยข้อมูลผิดๆ จากเพนซีฟของเซเวอรัส สเนปที่ทำให้แฮร์รี่มองว่าพ่อของเขาหยิ่งยโสดังที่สเนปว่า จนทำให้แฮร์รี่อยากปรึกษาซีเรียสอย่างมาก แต่การทำเช่นนั้นขณะที่โดโลเรส อัมบริดจ์กุมอำนาจในฮอกวอตส์มีความเสี่ยงมาก และแทบจะเป็นไปไม่ได้ ทำให้ท้ายที่สุด เขาสารภาพความรู้สึกดังกล่าวกับจินนี่ เนื่องจากแฮร์รี่รู้สึกปลอดภัยกับจินนี่ ผู้ที่จะไม่ด่วนตัดสินเขา รวมถึงประสบการณ์ร่วมกันของทั้งคู่ที่รู้สึกว่าถูกลอร์ดโวลเดอมอร์เข้าควบคุม (เพียงแต่ของจินนี่เป็นสมุดไดอารี่ของโวลเดอมอร์) และอารมณ์ขันในแนวเดียวกัน (บางครั้งพวกเขาแค่ยิ้มให้กันอย่างขำขันเพียงแค่สบตากัน ปฏิสัมพันธ์เชิงดังกล่าวสามารถย้อนไปได้ถึงตอนนักโทษแห่งอัซคาบัน)
ความสัมพันธ์ดังกล่าว ระหว่างแฮร์รี่กับจินนี่ กลับสลับบทบาทไปเป็นคนละขั้ว ในปีที่หก (เจ้าชายเลือดผสม) ทั้งนี้บางคนที่ช่างสังเกตจะเห็นได้ว่า คนเขียนเริ่มปูพื้นที่ให้จินนี่เป็นนางเอกมานานแล้ว ตั้งแต่ทั้งคู่พบกันครั้งแรก หรือกระทั่งการให้ความสำคัญต่อพัฒนาการความสัมพันธ์ของทั้งสองมาตลอด ด้วยการหยอดไว้เล็กๆน้อยๆในเนื้อเรื่อง ทว่าเพิ่งมาชัดเจนลงไป เมื่อแฮร์รี่เกิดตกหลุมรักจินนี่ขึ้นมาอย่างหัวปักหัวปำ ในขณะที่จินนี่ยังคบกับคนอื่นอยู่ (โดยเฉพาะเจาะจงที่ดีน โทมัส) ซึ่งดำเนินไปเป็นพล็อตเรื่องรองตลอดเล่มที่หกของชุด แฮร์รี่ พอตเตอร์กับเจ้าชายเลือดผสม (รวมถึงอารมณ์หึงรุนแรงต่อดีน โทมัส ซึ่งต่างจากความอิจฉาเซดริก ดิกกอรี่ในปีที่สี่มาก โดยมีการระบุว่าความรู้สึกดังกล่าวเปรียบเสมือนสัตว์ร้ายที่เดือดดาล) ส่วนรอน พี่ชายของจินนี่นั่นมีท่าทีไม่สนับสนุนความสัมพันธ์กับดีนของจินนี่ ซึ่งแฮร์รี่มองว่าการที่รอนทำเช่นนั้นแปลได้ว่ารอนมีท่าทีไม่สนับสนุนทุกคนที่คบกับจินนี่ ซึ่งทำให้สถานการณ์ซับซ้อนยิ่งขึ้น และบังคับให้แฮร์รี่เลือกระหว่างความสัมพันธ์กับจินนี่ หรือมิตรภาพกับรอน ซึ่งท้ายที่สุด มุมมองในแง่ร้ายของแฮร์รี่ ไม่มีวี่แววว่าจะปรากฏเลย จินนี่และดีนเลิกกันในที่สุด และเมื่อหลังจากการแข่งขันตัดสินแชมป์ควิดดิชระหว่างบ้านระหว่างกริฟฟินดอร์และเรเวนคลอสิ้นสุด ในงานเลี้ยงฉลองของกริฟฟินดอร์ แฮร์รี่จูบจินนี่อย่างเปิดเผยต่อหน้าคนที่อยู่ในห้องนั่งเล่นรวมทั้งห้อง ท่าทีของเฮอร์ไมโอนี่ต่อเหตุการณ์ดังกล่าว ผู้แต่งระบุว่าพึงพอใจ และรอน ผู้มีความรู้สึกสับสนปนเปในความรักระหว่างแฮร์รี่และจินนี่ ก็แสดงท่าทีสนับสนุนด้วยท่าทางต่อแฮร์รี่
ในตอนท้ายเจ้าชายเลือดผสม แฮร์รี่ยุติความสัมพันธ์ระหว่างเขาและจินนี่ในความพยายามที่จะรับประกันความปลอดภัยให้เธอ กลัวว่าโวลเดอมอร์จะใช้เธอเป็นเป้า เมื่อโวลเดอมอร์ทราบเรื่องความสัมพันธ์นี้ จินนี่ยอมรับการตัดสินใจของแฮร์รี่ และบอกว่าการชอบทำตัวเป็นวีรบุรุษ (โดยไม่รู้ตัว)นั่นเองเป็นสิ่งที่ทำให้เธอชอบเขา และสารภาพว่าแท้ที่จริงแล้วเธอไม่เคยละทิ้งความรู้สึกที่เคยมีต่อแฮร์รี่ตลอดมา
ในภาคที่ 7 แฮร์รี่ได้สัญญากับรอนว่าจะเลิกพบจินนี่เพื่อไม่ให้ความหวังแก่เธอ ซึ่งตลอดทั้งเล่ม แฮร์รี่ทำได้แค่เฝ้ามองดูเธอ แต่ในท้ายที่สุดหลังจากโค่นโวลเดอมอร์ลงได้ แฮร์รี่ก็ได้แต่งงานกับเธอ และ 19 ปีต่อมาทั้งสองก็มีลูกด้วยกันสามคนคือ เจมส์ ซีเรียส พอตเตอร์ อัลบัส เซเวอร์รัส พอตเตอร์ และ ลิลี่ ลูน่า พอตเตอร์ ดังนั้นกล่าวได้ในท้ายที่สุดว่าจินนี่เป็นนางเอกเรื่องนี้ (ในทางที่จริงแล้ว..แฮร์รี่ไม่ควรที่จะยุติความสัมพันธ์ระหว่างเขากับจินนี่)เพราะนั่นจะทำให้ทุกคนคิดว่าแฮร์รี่นั้นโหดร้ายและไม่ยอมสละเวลาเพื่อความรัก

[แก้] ทรัพย์สมบัติที่เป็นหรือเคยเป็นของแฮร์รี่ พอตเตอร์ที่สำคัญๆ

  • บ้านเลขที่สิบสอง กริมโมลด์เพลซ: คฤหาสน์เก่าประจำตระกูลแบล็ก และเป็นศูนย์บัญชาการใหญ่ของภาคีนกฟีนิกซ์มาก่อน แฮร์รี่ได้รับสืบทอดมาจากซิเรียส แบล็ก ผู้เป็นพ่อทูนหัวของเขาอีกที
  • เอลฟ์ประจำบ้าน ครีเชอร์: เคยเป็นผู้รับใช้ประจำตระกูลแบล็ก เคยเป็นผู้รับใช้ผู้ไม่สัตย์ตรงของแฮร์รี่ ที่จำใจรับไว้จากซิเรียส แบล็ก เนื่องด้วยเหตุผลการรักษาความลับของภาคีนกฟีนิกซ์ แฮร์รี่ส่งครีเชอร์มาทำงานที่ฮอกวอตส์ตามที่ดัมเบิลดอร์เสนอ แต่ตอนท้ายครีเชอร์ก็จงรักภักดีกับแฮร์รี่อย่างมาก เนื่องจากแฮร์รี่ได้ให้ล็อกเก็ตของนายน้อยเรกูลัส แบล็ก สุดที่รักของเขา
  • เงินตรา (ทอง) ผู้วิเศษเป็นจำนวนมาก ที่ฝากไว้ในห้องฝากเงินในธนาคารกริงกอตส์ สาขาตรอกไดแอกอน ได้รับเป็นมรดกมาจากพ่อแม่ของเขา รวมถึงทองของซิเรียส แบล็กด้วยในเวลาต่อมา โดยในหนังสือนั้นไม่ได้กำหนดมูลค่าที่แน่นอนที่แฮร์รี่มี แต่เป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไปว่า แฮร์รี่มีฐานะร่ำรวย โดยเฉพาะหลังจากที่นำทองของครอบครัวพอตเตอร์ และตระกูลแบล็กมารวมกันแล้ว
  • ไม้กวาดไฟร์โบลต์: ไม้กวาดสำหรับแข่งขันควิดดิชระดับโลกที่แพงที่สุด และมีมาตรฐานที่สุด ได้รับมาจากพ่อทูนหัวของแฮร์รี่ ซิเรียส แบล็ก ก่อนหน้านี้ แฮร์รี่ใช้ไม้กวาดนิมบัสสองพัน แต่ถูกต้นวิลโลว์จอมหวดทำลาย หลังจากที่แฮร์รี่ตกลงมาจากไม้กวาด ในการแข่งขันระหว่างฮัฟเฟิลพัฟและกริฟฟินดอร์ ในปีที่สามของแฮร์รี่ อย่างไรก้ตามไม้กวาดไฟร์โบลต์นี้ได้หล่นหายไประหว่างการไล่ล่าข้ามสามมณฑลของโวลเดอมอร์
  • ผ้าคลุมล่องหน: ได้รับทอดมาจากพ่อของแฮร์รี่ โดยอัลบัส ดัมเบิลดอร์เป็นผู้มอบให้เป็นของขวัญวันคริสต์มาสในปีแรกในฮอกวอตส์ของแฮร์รี่ ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างมากในปีต่อๆมา เป็นหนึ่งในสาม เครื่องรางยมทูต
  • แผนที่ตัวกวน: ได้รับมาจากเฟร็ดและจอร์จ วีสลีย์ แผนที่นี้ร่วมกันเขียนขึ้นโดย หางหนอน (ปีเตอร์ เพ็ตติกรูว์), จันทร์เจ้า (รีมัส ลูปิน), เท้าปุย (ซิเรียส แบล็ก) และเขาแหลม (เจมส์ พอตเตอร์; พ่อของแฮร์รี่)
  • เฮ็ดวิก: นกฮูกพันธุ์หิมะ ที่รูเบอัส แฮกริดมอบให้เป็นของขวัญวันเกิดปีที่สิบเอ็ดของแฮร์รี่ ภายหลังจากไปอย่างน่าเศร้าระหว่างการไล่ล่าข้ามสามมนฑลด้วยคำสาปพิฆาต
  • อัลบั้มรูปของพ่อแม่และเพื่อนของพ่อแม่ของแฮร์รี่ เป็นของขวัญวันเกิดปีที่สิบเอ็ดอีกชิ้นหนึ่งจากแฮกริด
  • ไม้กายสิทธิ์: ทำมาจากไม้ฮอลลี่ ยาวสิบเอ็ดนิ้ว มีแกนเป็นขนนกฟีนิกซ์ของดัมเบิลดอร์ ฟอกส์ น่าแปลกที่ไม้กายสิทธิ์ของลอร์ดโวลเดอมอร์ ก็มีแกนกลางมาจากแหล่งเดียวกัน และจากนกตัวเดียวกัน ทำให้เมื่อไม้ทั้งสองมาต่อสู้กันแล้ว เกิดปรากฏการณ์สะท้อนเวทมนตร์ หรือไพร์-ออร์ อินคานตาโต้ แต่ในภาคที่ 7 ไม้กายสิทธิ์อันนี้ก็ได้หักลงเกินกว่าจะซ่อมแซมได้ อย่างไรก็ตามในตอนท้าย แฮร์รี่ก็ได้ใช้ไม้กายสิทธิ์เอลเดอร์ซ่อมแซมจนสำเร็จ
  • กระจกสองทาง: กระจกที่สามารถใช้ติดต่อกันได้ซึ่งแฮร์รี่ไม่เคยเปิดจนกระทั่งซิเรียสเสียชีวิต มอบให้โดยซิเรียสเอง ทรัพย์สมบัติอีกชิ้นหนึ่งที่ซิเรียส แบล็กให้ รวมถึงมีดพับอเนกประสงค์ที่หลอมละลาย เมื่อใช้ไขกุญแจประตูห้องหนึ่งในกระทรวงเวทมนตร์ ภายหลังอาเบอร์ฟอร์ทได้เก็บกระจกอีกบานนึงไว้กับตัว และได้ช่วยชีวิตแฮร์รี่อย่างใหญ่หลวงเมื่อครั้งแฮร์รี่ถูกจับไปคฤหาสน์มัลฟอย
  • ล็อกเกต: เป็นฮอร์ครักซ์ปลอมที่แนบข้อความเตือนโวลเดอมอร์ไว้ โดยใช้นามแฝง ร.อ.บ. และภายหลังก็ทราบว่าเป็นชื่อย่อของ เกูลัส าร์คทูลัส แล็ก นอกจากนี้ในภายหลัง แฮร์รี่ก็ได้มอบล็อกเกตนี้ให้เป็นสมบัติของครีเชอร์ ทำให้ครีเชอร์ทำตัวดีขึ้นมากอีกด้วย
  • เหรียญพอตเตอร์ห่วย: ได้มาในปีสี่ ตอนที่แฮร์รี่ เป็นตัวแทนการประลองเวทไตรภาคีที่อายุน้อยกว่าเกณฑ์ ทำให้มีคนไม่ชอบใจ เดรโก มัลฟอย จึงทำเหรียญนี้ขึ้นแจกจ่าย โดยเหรียญจะมีคำว่า "ร่วมเชียร์ เซดริก ดิกกอรี่ ตัวแทนฮอกวอตส์ ตัวจริง" และเหรียญก็จะกระพริบคำว่า "พอตเตอร์ห่วย" สองพี่น้องครีฟวีย์ ผู้ชื่นชอบแฮร์รี่ เคยนำเหรียญนี้ไปพยายามเปลี่ยนข้อความใหม่ แต่เท่าที่ทำได้คือมีคำว่า "พอตเตอร์ห่วย ตัวจริง"คงทนอย่างถาวร แฮร์รี่นำเหรียญนี้ทิ้งไปในภาค 7 ระหว่างจัดของ
  • เหรียญเกลเลียนปลอม: เป็นเหรียญที่ เฮอร์ไมโอนี่ เจน เกรนเจอร์ ทำขึ้นเพื่อกำหนดวันนัดพบประจำของ ก.ด. ในการนัดพบครั้งที่สี่ นอกจากนี้ เหรียญนี้ยังมีประโยชน์ในด้านอื่นๆ อีกมากด้วย
  • ดาบของก็อดดริก


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น